Book,Page,LineNumber,Text 23,0008,001,ปหานสูตร 23,0008,002,[๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมอยู่ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละ เพื่อตัดสังโยชน์ ๗ 23,0008,003,ประการ ๗ ประการเป็นไฉน คือ สังโยชน์ คือ ความยินดี ๑ความยินร้าย ๑ ความเห็นผิด ๑ 23,0008,004,ความสงสัย ๑ มานะ ๑ ความกำหนัดในภพ ๑อวิชชา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมอยู่ 23,0008,005,ประพฤติพรหมจรรย์เพื่อละ เพื่อตัดสังโยชน์ ๗ ประการนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล 23,0008,006,ภิกษุละสังโยชน์ คือความยินดีเสียได้ ตัดรากขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ไม่ให้มี 23,0008,007,ไม่ให้เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา ละสังโยชน์ คือความยินร้าย ฯลฯ สังโยชน์คือความเห็นผิด ฯลฯ 23,0008,008,สังโยชน์คือความสงสัย ฯลฯ สังโยชน์คือมานะ ฯลฯสังโยชน์คือความกำหนัดในภพ ฯลฯ 23,0008,009,สังโยชน์คืออวิชชาเสียได้ ตัดรากขาดแล้วทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ไม่ให้มี ไม่ให้เกิด 23,0008,010,ขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดาเมื่อนั้น ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า ตัดตัณหาได้ขาดแล้ว เพิกถอนสังโยชน์ 23,0008,011,ได้แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้แล้ว เพราะตรัสรู้คือละมานะเสียได้โดยชอบ ฯ 23,0008,012,จบสูตรที่ ๙ 23,0008,013,มัจฉริยสูตร 23,0008,014,[๑๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์ ๗ ประการนี้ ๗ ประการเป็นไฉน คือสังโยชน์คือ 23,0008,015,ความยินดี ๑ ความยินร้าย ๑ ความเห็นผิด ๑ ความสงสัย ๑ มานะ ๑ ความริษยา ๑ ความ 23,0008,016,ตระหนี่ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์ ๗ ประการนี้แล ฯ 23,0008,017,จบสูตรที่ ๑๐ 23,0008,018,จบธนวรรคที่ ๑ 23,0008,019,รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ 23,0008,020,๑. อัปปิยสูตรที่ ๑ ๒. อัปปิยสูตรที่ ๒ 23,0008,021,๓. พลสูตรที่ ๑ ๔. พลสูตรที่ ๒ 23,0008,022,๕. ธนสูตรที่ ๑ ๖. ธนสูตรที่ ๒ 23,0008,023,๗. อุคคสูตร ๘. สังโยชนสูตร 23,0008,024,๙. ปหานสูตร ๑๐. มัจฉริยสูตร 23,0008,025,____________